KOITHAI |
โรคปลาแฟนซีคาร์พและวิธีรักษา เป็นเรื่องที่เลี่ยงได้ยากสำหรับผู้เลี้ยงปลาทุกคน ที่จะต้องเจอกับปัญหาปลาป่วย และตาย ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า มีหลายปัจจัยที่เป็นต้นเหตุของการเกิดโรค เช่น น้ำ อาหาร การจัดการ รวมไปถึงความประมาทโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เช่น การเคลื่อนย้ายปลา การเปลี่ยนถ่ายน้ำ บางครั้งเราดูแลปลาเป็นอย่างดี ปลาก็ป่วยและตายโดยที่ไม่รู้สาเหตุก็มี ฉะนั้นเราควรจะหมั่นสังเกต และเอาใจใส่ปลาในบ่อว่า มีสิ่งใดที่ทำให้ปลาเปลี่ยนแปลงไป เช่น ท่าทางในการว่ายที่ผิดปกติ แยกตัว ซึม ไม่กินอาหาร มีแผล หรือใช้วิธีการตักปลาขึ้นมาดู เพื่อวิเคราะห์อาการภายนอกก่อน ถ้าเจอสาเหตุจะได้รักษาได้ทันท่วงที แต่ถ้าเป็นโรคที่เกิดในตัวปลาก็ต้องใช้วิธีรักษาอีกแบบหนึ่ง และจำเป็นที่จะต้องแยกปลา ที่มีอาการออกจากบ่อเลี้ยงมาทำการรักษาเพราะ โรคบางชนิดสามารถติดต่อได้ ส่วนยาที่ใช้กับปลาคาร์พก็มักจะเป็นยาปฏิชีวนะ ที่ใช้รักษากับปลาน้ำจืดทั่วๆไป และควรระมัดระวังในการใช้ยา ไม่ควรใช้ยามากหรือน้อยกว่าที่กำหนดไว้ ควรใส่ยาป้องกันโรคไว้ก่อนเป็นประจำก็ได้ เราจึงควรรู้จักกับโรคที่จะเกิดกับปลา และวิธีป้องกัน ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ |
![]() |
หนอนสมอ
(Lerneosis) จะมีลักษณะคล้ายสมอ ยาวเหมือนเส้นด้าย มีความยาว
6-12 มิลลิเมตร กว้าง 0.5-1.2 มิลลิเมตร เมื่อวงจรของหนอนสมอโตเต็มวัยแล้วจะเป็นอันตรายกับปลา
โดยที่หนอนสมอ จะเจาะที่ลำตัวของปลาทำให้ปลาติดเชื้อ และจะวางไข่บนผิวหนังของปลาด้วย
ปลาจะมีอาการซึม เบื่ออาหาร ผอมแห้ง กระพุ้งแก้มเปิดอ้า มีจุดสีแดงเป็นจ้ำๆ
ตามลำตัว ครีบและเหงือก อาจจะมีอาการอักเสบร่วมด้วย การรักษา : ใช้มาลาไคท์กรีนความเข้มข้น 0.1 ppm. แช่ติดต่อกันประมาณ 5 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันประมาณ 1 สัปดาห์ |
![]() |
เห็บ
(Argulus) มีลักษณะกลมคล้ายจานแบน มีขนาดตั้งแต่ 5-10 มิลลิเมตร สีเขียวอ่อนไปจนถึงสีออกน้ำตาล
ดูดเลือด ปลาเป็นอาหาร ปลาจะมีอาการระคายเคืองโดยถูตัวกับข้างบ่อหรือสิ่งของในบ่อ
ลำตัวจะมีริ้วแดงๆ ปลาจะกินอาหาร น้อย ลง และไม่ค่อยว่าย การรักษา : ใช้มาโซเต็นความเข้มข้น 0.5-1 ppm. สัปดาห์ละครั้งติดต่อกัน 3 สัปดาห์ |
![]() |
จุดขาว
(Ich) หรือ White Spot จะพบได้บ่อยในระยะที่อากาศเย็น
อาการที่ปรากฏก็คือ ปลาจะมีจุดสีขาวหรือเทา ขนาด 0.5-1.0 มิลลิเมตร ตามลำตัว
เหงือก ครีบ บางครั้งก็จะพบอยู่ใต้ชั้นผิวหนังด้านนอก การรักษา : ใช้ฟูราเนสความเข้มข้น 0.1 แช่ 4-7 วันติดต่อกัน |
![]() |
เชื้อรา
(Fungus) มีผลกระทบต่อปลามากเมื่อปลามีแผลเกิดขึ้น และจะทำให้เชื้อราเกาะบริเวณนั้น
แล้วค่อยๆกินลึกลงไปในเนื้อปลา ถ้ามีมากบริเวณเหงือกจะทำให้ปลาตายได้ จะมีลักษณะเหมือนสำลีบางๆติดอยู่ที่บริเวณผิวหนัง
หากเป็นมากอาจตายภายใน 7 วัน การรักษา : ใช้เกลือความเข้มข้น 2% (เกลือ 2 ขีดต่อน้ำ 10 ลิตร) แช่ปลาไว้ และเช็ดสิ่งที่เหมือนสำลีที่ติดอยู่ที่บริเวณผิวหนังออกให้หมด แล้วใช้ฟูราเนสทาบริเวณแผล และนำปลาไปแช่ในฟูราเนสความเข้มข้น 1 ppm เป็นเวลา 10 นาที ติดต่อ 4-7 วัน |
![]() |
ปลิงใส
(Fluke) มีขนาดเล็ก ไม่มีปล้อง มีขอเกี่ยว พบที่บริเวณเหงือกและเมือกของปลา
ถ้าพบบริเวณเหงือก จะสังเกตเห็นกระพุ้งแก้มเผยอเล็กน้อย เหงือกซีด ถ้าพบที่ลำตัว
ปลาจะขับเมือกออกมามากผิดปกติ จะทำให้การดำรงชีวิตของปลาผิดปกติ การรักษา : ใช้น้ำยาดิพเทอร์เร็ก 0.25 ppm. แช่ติดต่อกัน 3 วัน โดยต้องเปลี่ยนน้ำใหม่ทุกครั้งที่แช่ยา หรือใช้ฟอร์มาลิน 50 ppm. โดยแช่ทิ้งไว้ |
ผิวขุ่น,
เมือก (Sliminess
Disease) เกิดจากเชื้อโปรโตซัวทำให้ปลาระคายเคืองและขับเมือกออกมามากผิดปกติ
จะดูเหมือนว่าปลานั้นมีสิ่งสกปรกติดตามผิวหนัง และเส้นเลือดจะอักเสบ โดยจะเห็นเป็นเส้นแดงๆ
บนผิวหนัง การรักษา : ใช้ออริโอมัยซิน 1 ช้อนชาต่ออาหาร 1 ขีด และให้ผักกินเพื่อลดโปรตีนและ ไขมัน ถ้าอาการหนัก ให้ แช่น้ำเกลือ 10% วันละ 1 ชม. ติดต่อกัน 4-5 วัน |
|
พลิสโตฟอโรซิส
(Plistophorosis) จะทำให้ปลามีลำตัวซีดและเหงือกซีดขาว การทรงตัวผิดปกติ
ว่ายน้ำตะแคงข้าง ผอมแห้ง แยกตัว และตายในที่สุด การรักษา : ยังไม่มียารักษาโรคนี้ได้ เนื่องจากเป็นเชื้อโรคชนิดที่อยู่ในสปอร์ |
|
![]() |
อิพิสทัยลิส
(Epistylis Disease) เชื้อโรคนี้จะเกาะอยู่รวมกลุ่มกัน จะสังเกตเห็นเป็นจุดขาวมองดูคล้ายปุยสำลี
เกาะอยู่ตามคอดหาง ครีบ ผิวหนัง นอกจากนั้นบริเวณที่เชื้อเกาะอยู่จะเห็นเป็นรอยแดง
เส้นเลือดขึ้นเห็นชัด ต่อมาเกล็ดจะหลุด เนื้อใต้เกล็ดจะแหว่งหายไป โรคนี้จะติดต่อได้เร็วพอสมควร
หากบ่อสกปรก การรักษา : นำปลามาชั่งน้ำหนัก ถ้าหนักมากกว่า 5 ขีด ให้ฉีดคานาไมซินที่ผสมแล้วจำนวน 0.2 ซีซี ฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อหลัง ถ้าน้ำหนักน้อยกว่า 4 ขีด ให้ใช้ยา 0.1 ซีซี ฉีดทุก 3 วัน วันละครั้งจนหาย |
ตกเลือดจากแบคทีเรีย
(Bacterial Hemorrhagic Septicemia) ทำให้เกิดการตกเลือดทั้งภายใน และภายนอก
บางครั้งจะพบปลาที่เป็นโรคนี้ มีอาการท้องบวม มีหนองในช่องท้อง มีแผลตามลำตัว การรักษา : ใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น เตตร้าซัยคลิน 10 ppm. แช่ติดต่อกันประมาณ 5-7 วัน |
|
![]() |
เกล็ดตั้ง
(Dropsy) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งมีผลทำให้ไตอักเสบ ทำให้เส้นเลือดใต้เกล็ดบวมและเกล็ดจะตั้งขึ้นมา
ปลาจะไม่กินอาหาร ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ และตายถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การรักษา : ยังไม่มียารักษา แต่ถ้ามีอาการเริ่มแรก ให้แช่ในน้ำยาฟูราเนสความเข้มข้น 1.0 ppm. 10 นาที ทุกวันจนกว่าอาการจะดีขึ้น |
![]() |
คอลัมนาริส
(Columnaris Disease) อาการที่พบได้ก็คือตัวขาวเป็นแถบๆ ตามลำตัวของปลา อาจจะมีรอยช้ำแดง
ครีบเปื่อยยุ่ย เหงือกเน่า ปากเปื่อย ซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดบริเวณภายนอกของปลาเท่านั้น
มักจะเกิดกับปลาที่บอบช้ำมากๆ การรักษา : ผสมออริโอมัยซินลงในอาหารอัตราส่วน 1 ช้อนชาต่ออาหาร 1 ขีด ติดต่อกัน 3-4 วัน แล้วควรแช่ฟูราเนสความเข้มข้น 1.0 ppm. 10 นาที ติดต่อกัน 3-4 วัน (ควรใส่ยาฟูราเนสในช่วงที่แดดหมดแล้ว เพราะว่ายาจะหมดฤทธิ์เมื่อถูกแสงแดด) หรือใช้ด่างทับทิมความเข้มข้น 3-5 ppm. แช่ติดต่อกัน 3-5 วัน |
![]() |
ลิมโฟซิสติส
(Lymphocystis) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ที่ทำให้เกิดการนูนขึ้นมาของเนื้อเยื่อบนผิวหนังส่วนต่างๆ
ของปลา ขนาดและจำนวนของตุ่ม เหล่านั้น แตกต่างกันออกไป ตุ่มเหล่านี้จะมีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ
รวมกันเป็นกลุ่ม เมื่อสัมผัสดูจะมีความอ่อนนุ่ม การรักษา : เกี่ยวเนื่องจากสภาพแวดล้อม เมื่อปลาเป็นโรคนี้ จะมีอัตราการตายต่ำมาก และถ้าสภาพแวดล้อมดีขึ้น โรคนี้ก็จะหายไปเอง |
![]() |
ลำไส้ตัน
(Abdominal Dropsy) มีเนื้องอกบริเวณรังไข่และโตอย่างรวดเร็ว จนทำให้ท้องกางออกมาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
ถ้าโตมากปลาจะตาย และปลาจะท้องกางนอกฤดูมีไข่ การรักษา : ยังไม่มียารักษาที่ได้ผล แต่อาจลองให้ยาปฏิชีวนะผสมอาหาร |
ไซโคลกิต้า
(Cyclokita) เกิดจากการที่เปลี่ยนน้ำในบ่อบ่อยครั้งมากเกินไป หรือน้ำจากการย้ายปลามาลงในบ่อ
และมี เชื้อนี้ปะปนอยู่ในน้ำ โดยเฉพาะน้ำ ที่ถูกขังอยู่เป็นเวลานาน ผิวหนังของปลาจะขุ่นและปลาจะตายโดยไม่มีสาเหตุ
มักเกิดขึ้นกับปลาที่มีอายุ 1-2 ปี การรักษา : ใช้น้ำเกลือ 0.5% (เกลือครึ่งกิโลกรัมต่อน้ำ 100 ลิตร) และใส่ด่างทับทิม 0.3 ppm. แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง |
|
เสียการทรงตัว
(Air Bladder Disease) เกิดจากการกินอาหารมากเกินไป จนย่อยอาหารไม่ทัน ทำให้อาหารเหล่านั้นไปกดอวัยวะที่ปลาใช้ในการทรงตัว
ทำให้ปลาทรงตัวไม่ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับอุปนิสัยในการกินอาหารของปลาเอง ปลาจะมีลักษณะอุ้ยอ้าย
ต้องบิดไปทั้งตัวแทนที่จะว่ายสะบัดแค่หาง มักจมอยู่ก้นบ่อ ครีบกาง ถ้าเป็นมากจะหงายท้อง
เมื่อเป็นแล้วจะหายยากมาก การรักษา : ยังไม่มียารักษา ควรจำกัดการให้อาหาร โดยให้ในปริมาณที่พอเหมาะ และให้ปลาได้ว่ายทวนน้ำบ้าง |
|
ลำไส้อักเสบ
(Intestinal Inflammation) เกิดจากอาหารเก่า หรือมีเชื้อรา อาหารที่เก็บไว้นานเกินไป
ปลาจะถ่ายเป็นน้ำขุ่นๆ หรือมีมูกเลือดปน บางครั้งก็เป็นเม็ดแข็งๆ สีดำ ปลาไม่ค่อยกินอาหาร การรักษา : ทำได้ยาก วิธีแก้ก็คือ ให้อาหารที่แน่ใจว่าเป็นอาหารใหม่ |
|
ครีบพอง
(Gas Bubble Disease) เกิดจากการที่มีออกซิเจนในน้ำมากเกินไป ซึ่งอัตราส่วนที่พอดีคือ
8 ppm. ซึ่งอาจเกิดจากการที่ให้ออกซิเจนในบ่อมากเกินไป หรือเกิดจากการที่มีสไปโรไจรา
ซึ่งเมื่อโดนแสงแดดแล้ว จะคายออกซิเจนจนทำให้มีออกซิเจนในน้ำมากเกินไป ครีบหลังจะบวมเหมือนมีอากาศอยู่ใต้ผิว การรักษา : ต้องกำจัดสไปโรไจราด้วยการถ่ายน้ำออกและเติมน้ำใหม่ หรืออาจฆ่าด้วยเมทิลีนบลู 0.5 ppm. แต่วิธีที่ดีที่สุดก็ คืออย่าให้แดดส่องลงบ่อโดยตรงมากเกินไปนัก |
|
![]() |
รอยขีดข่วนและบาดแผล
(Cuts and Abrasion) เกิดจากการเคลื่อนย้ายปลา ช้อนปลา หรือปลาว่ายชนสิ่งมีคม
ทำให้ปลามีรอยแผล รอยขีดข่วน การรักษา : ใช้ยาปฏิชีวนะทาแผลโดยตรงจนกว่าจะหาย และไม่ควรมีสิ่งมีคมอยู่ในบ่อ |
ไมโซสปอริเดีย
(Myxosporidea) เนื่องจากมีเชื้อนี้ปะปนอยู่ในน้ำ ปลาจะมีอาการหัวโต
แก้มพอง เหงือกอักเสบ และตายติดต่อกัน มักจะเกิดกับปลาที่มีอายุ 1-2 เดือน การรักษา : ยังไม่มียาที่รักษาได้ผล หากเป็นแล้วให้เลือกปลา ที่ยังไม่เป็นออกจากบ่อ แล้วนำมาแช่มาลาไคท์กรีน 0.5 ppm. |
|
หวัด(Cold)
เกิดจากการเปลี่ยนอุณหภูมิโดยฉับพลัน มีผลกับปลาที่ไม่แข็งแรง จะทำให้ผิวของปลาขุ่น
และมีเส้นเลือดขึ้น การรักษา : ใช้ยาปฏิชีวนะในอัตรา 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1 ตัน แช่ติดต่อกัน 3-4 วัน |
|
แพ้ความเค็มของบ่อปูน
มักเกิดขึ้นเวลาที่ย้ายปลาลงบ่อปูนใหม่ หรือปูนจากการก่อสร้างที่มาตกลงในบ่อ
จะทำให้เมือกของปลาโดนด่างในปูน กัดจนหมดความต้านทานเชื้อโรค จนเกิดการอักเสบ
ผิวปลาจะเป็นผื่นแดง ปลาจะซึม อาจถึงตายได้ การรักษา : ย้ายปลาออกจากบ่อนั้น และใช้มาลาไคท์กรีน 0.3 ppm. แช่ทิ้งไว้ และรีบแก้สภาพบ่อทันที |
|
![]() |
สันหลังหัก
(Spinal Paralysis) เกิดจากไฟรั่ว ปลาจะดิ้นอย่างแรง หรือกระโดด หรือวิ่งชนบ่ออย่างแรง
จนทำให้หลังหัก จะสังเกตว่าลำตัวจะคด ลักษณะการว่ายจะผิดปกติ การรักษา : ไม่มียารักษา แต่ถ้ามีอาการไม่มากนัก ให้ปลาได้ว่ายมากๆ อาจจะมีโอกาสหายได้เอง |
สีตก
(Taishoku) สันนิษฐานว่าเกิดจากการขาดสารอาหาร หรือคุณภาพของน้ำไม่ดีพอ
จะทำให้สีของปลาจางลง หรือหายไปเลย และบางครั้งอาจเกิดสีอื่นขึ้นมาก็ได้ การรักษา : ยังไม่ทราบวิธีรักษา เนื่องจากไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน |
|
จุดบนผิวสีแดง
(Epidermal Proliserous Disease) เกิดจากการเติบโตที่ผิดปกติของผิวหนังส่วนบน
ทำให้เกิดจุดสีคล้ำ ขึ้นบนสีแดงของ Kohaku และ Taisho Sanshoku แต่ไม่ทำให้ปลาตาย การรักษา : ไม่มียารักษา นอกจากจะใช้การผ่าตัด |
|
![]() |
สันหลังลีบ
(Muscular Dystrophy) เกิดจากอาหารที่เก่าเกินไป หรือเลี้ยงปลาด้วยดักแด้หรือไส้เดือนแห้ง
จะทำให้กล้ามเนื้อข้างครีบแนวตั้ง ส่วนหลังมีอาการลีบลง จนดูเป็นร่องข้างๆ
ครีบ ปลาจะซึม ไม่แข็งแรงหัวโต ตัวลีบ การรักษา : ไม่มียาที่รักษาได้ผล ป้องกันได้โดยให้อาหารที่ใหม่เสมอ และหลีกเลี่ยงการเลี้ยงปลาด้วยดักแด้ หรือไส้เดือนแห้งที่ไม่แน่ใจว่าเก่าเกินไปหรือไม่ |
พยาธิลวดหนาม
(Phildmetroides Disease) สันนิษฐานว่าพยาธินี้อาศัยอยู่ในไรน้ำ เมื่อปลากินเข้าไป
พยาธิก็จะเข้าไปเติบโตในตัวปลา และออกมาอาศัยอยู่ใต้เกล็ด ทำให้เกิดอาการแดงช้ำ
ดูใกล้ก็จะเห็นพยาธิขดอยู่ ซึ่งจะเกิดเฉพาะในเมืองหนาวเท่านั้น การรักษา : ยังไม่มียารักษา แต่ถ้านำเข้ามาเลี้ยงในเมืองร้อน ก็อาจจะหายไปเอง |
|
ปลาว่ายเป็นวงกลมไม่หยุด
(Whirling Disease) เกิดจากการที่มีจุลินทรีย์ชนิดหนึ่ง มาเกาะบนส่วนหัวและ
เจาะเข้าไปถึงสมองส่วนที่บังคับการทรงตัว ทำให้ปลาว่ายหมุนเป็นวงกลม มักเกิดขึ้นกับปลาอายุ
1-2 ปี ซึ่งจุลินทรีย์นี้อาจปะปนอยู่ในน้ำ หรือมาจากไส้เดือนที่เป็นอาหาร การรักษา : ไม่มียารักษา แต่ให้นำปลาที่เป็นโรคนี้ออกจากบ่อโดยเร็ว แล้วย้ายปลาที่เหลือออกมา ทำการฆ่าเชื้อในบ่อด้วยเกลือและฟอร์มาลิน |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
koithai@hotmail.com